ถ้าหากว่าวันนี้แอนน์ แฟรงค์ ยังมีชีวิตอยู่ : บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์ The Diary of a Young Girl
แนวคิดเรื่อง “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว” หรือภาษาอังกฤษว่า Holocaust อันหมายถึง “การตายของคนกลุ่มใหญ่อย่างรุนแรง” ของท่านผู้นำหนวดจิ๋ม อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เรียกได้ว่าสุดโต่ง บ้าคลั่ง เข้าขั้นเสียสติ เขามีความเชื่อว่าบุคคลที่ไม่ใช่สายเลือดอารยันบริสุทธ์ไม่ควรมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป และเพื่อสนับสนุนแนวคิดท่านผู้นำ
ไฮน์ริช ฮิมเลอร์ เป็นผู้บัญชาการหน่วยเอสเอส ผู้บัญชาการทหาร และสมาชิกระดับสูงของพรรคนาซี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบโดยตรงที่สุดสำหรับกาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงหาสารพัดวิธีมาทำลายมนุษย์เผ่าพันธุ์อื่นให้สิ้นซาก โดยใช่วิธีทัณฑ์ทรมานต่างๆ นานา ทั้งการจับเอามาทำเป็นหนูทดลอง การปล่อยให้อดตาย การรมแก๊สพิษ และอื่นๆ อีกสารพัดวิธี ผลก็คือทำให้มีชาวยิวและกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ถูกสังหารเป็นจำนวนกว่า 5 ล้านคน ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2
แอนน์ แฟรงค์
แอนน์ แฟรงค์ คือเด็กหญิงชาวยิวผู้หนึ่งที่ต้องจบชีวิตลงในครั้งนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้ถูกยิง หรือถูกส่งเข้าห้องรมแก๊สพิษก็ตามที แต่ความทรมานที่เธอได้รับก็คงไม่ต่างชาวยิวผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นๆ เธอเสียชีวิตด้วยโรคไข้รากสาด ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพความเป็นอยู่ที่เลวร้ายของค่ายกักกัน
สิ่งเดียวที่เธอได้ทิ้งไว้และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านการเขียนของเธอก็คือสมุดบันทึกประจำวันเล่มหนึ่งที่เธอได้รับเป็นของขวัญวันเกิดในปีที่ 13 ซึ่งต่อมาสมุดบันทึกเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มีผู้อ่านมากที่สุดในโลกในชื่อ “บันทึกลับของแอนนน์ แฟรงค์” The Diary of a young girl
สมุดบันทึกของแอนน์ แฟรงค์
แอนน์ แฟรงค์ หรือ อันเน่อ ฟรังค์ หรือชื่อเต็มว่า อันเน่อลีเซอ ฟรังค์ (Anneliese Fank)เกิดที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนีในปีค.ศ.1929 พ่อของเธอ อ๊อตโต แฟรงค์ เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย ส่วนแม่ของเธอ อิดิธ แฟรงค์ ก็มาจากตระกูลที่ร่ำรวยเช่นกัน เธอจึงมีความเป็นอยู่อย่างคุณหนูทีเดียว แอนน์ แฟรงค์ อยู่ใกล้ชิดพ่อมาตั้งแต่เธออายุ 3 ขวบ เธอซึมซาบนิสัยรักการอ่านมาจากพ่อของเธอเป็นอย่างดี แอนน์มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ มาก็อธ แฟรงค์ ซึ่งมีบุคลิกนิสัยใจคอต่างกับเธอโดยสิ้นเชิง โดย มาก็อธเป็นคนติ๋มๆ ใฝ่เรียนรู้ ส่วน แอนน์ แฟรงค์ มีอุปนิสัยร่าเริง เปิดเผย จริงใจ
ในปีค.ศ.1933 เมื่อพรรคนาซีได้รับชับชนะในการเลือกตั้งและฮิตเลอร์ขึ้นมามีอำนาจอย่างเต็มตัว อ๊อตโต แฟรงค์ พ่อของแอนน์คาดการณ์ว่าอนาคตเยอรมนีจะต้องนองเลือด จึงเตรียมอพยพออกจากเยอรมนีไปตั้งรกรากที่เนเธอร์แลนด์ โดยให้ภรรยาและมาก็อธไปพักกับมารดาของเธอที่เมืองอาเค่น ส่วนเขาก็หนีบแอนน์ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 3 ขวบไปเนเธอร์แลนด์ จนได้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งจึงรับครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน
ต่อมาเมื่อกองทัพนาซีเข้ายึดครองเนเธอร์แลนด์ และได้ออกกฎควบคุมชาวยิวอย่างเข้มขวด อาทิ ต้องติดรูปดาวไว้บนอกเสื้อ เพื่อให้รู้ว่าเป็นคนยิวนะ ห้ามชาวยิวเข้าร้านต่างๆ ที่ทางการไม่อนุญาต (ห้ามมันเกือบทุกร้าน) ห้ามชาวยิวเข้าโรงภาพยนตร์ และอาหารที่ได้รับแบ่งสรรปันส่วนอย่างจำกัด เรียกได้ว่ากระดิกกระเดี้ยแทบไม่ได้
แล้วสถานการณ์ก็มาตึงเครียดสุดๆ เมื่อ มาก็อธ แฟรงค์พี่สาวของแอนน์ ถูก “หมายเรียกตัว” หมายเรียกในที่นี้ไม่เหมือน หมายเรียกเกณฑ์ทหารนะท่าน คือเรียกแล้วไปลับ ไม่ได้กลับจากค่าย ทีนี้จะอยู่ทำไมล่ะครับทั่น เผ่นสิ ดังนั้นแอนน์และครอบครัวของเธอกับผู้อื่นอีก 4 คน จึงต้องหลบไปซ่อนตัว ในที่ซ่อนลับบนห้องหลังคา สำนักงานของนายอ็อตโต แฟรงค์ผู้พ่อ
อาคารสำนักงานที่ซ่อนลับ
ห้องลับบนหลังคานี้ไม่ธรรมดา ปกปิดร่องรอยได้มิดชิดนัก ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังประตูบานเก่าที่ชั้นสามจะเป็นประตูไปสู่ “ที่ซ่อนลับ” ภายในยังแบ่งเป็นห้องหับต่างๆ อย่างสลับซับซ้อน ทั้งห้องนอน ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องครัวเล็กๆ ที่ดัดแปลงจากห้องทดลอง ห้องน้ำ และห้องส้วม เรียกว่าครบ ไม่สุขสบายแต่ก็ไม่ลำบาก
หากทว่าให้อยู่เล่นๆ สักอาทิตย์ สองอาทิตย์ ก็พอว่า แต่แอนน์และคนอื่นๆ ต้องหลบอยู่ในที่ซ่อนลับถึง 2 ปี ! คิดดูเเถอะท่านว่า 2 ปีที่ไม่ได้ออกไปสู่โลกภายนอก แม้แต่ก้าวเดียวจะเป็นเช่นไร ติดคุกยังดีเสียกว่า เพราะติดคุกยังมีอิสระเสรีในบางคราวเท่าที่ผู้คุมจะอนุญาต แต่นี่ต้องเก็บตัวอยู่ในแต่ที่ซ่อนลับตลอดเวลา สภาพจิตคงย่ำแย่ถึงขีดสุด แต่เธอก็พยายามมองว่ายังโชคดีที่ไม่ต้องถูกจับไปค่ายกักกัน ซึ่งนั่นหมายถึงความตาย
ห้องนอนของ แอนน์ แฟรงค์ ในที่ซ่อนลับ
ความประทับใจที่มีต่อหนังสือ “บันทึกลับของแอนน์ แฟรงค์” คือความผูกพันที่มีต่อชีวิตของเธอ มันเป็นความผูกพันที่ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การที่เธอเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในที่ซ่อนลับ รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น ทำให้เรารู้สึกเสมือนหนึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมด้วย ทั้งคอยลุ้น คอยเอาใจช่วย และคอยรับฟังเธอบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เมื่อบันทึกเดินทางมาใกล้สิ้นสุด เราก็รู้สึกใจหายวาบ เพราะรู้ว่าอีกไม่นานแอนน์จะตาย
แอนน์ แฟรงค์ เริ่มเขียนบันทึกครั้งแรกลงวันที่ 12 มิถุนายน 1942 และเขียนบันทึกครั้งสุดท้ายลงวันที่ 1 สิงหาคม 1944 อีก 3 วันถัดมา คือในวันที่ 4 สิงหาคม 1944 แอนน์แฟรงค์และคณะรวม 8 คน ถูกหักหลังและถูกตำรวจลับเข้าจับกุม เธอถูกส่งไปยังค่ายเวสเตอร์บอร์ก วันที่ 3 กันยายน 1944 พวกเขาถูกย้ายไปค่ายเอาชวิตซ์ในโปแลนด์ ที่สุดแอนน์ แฟรงค์ เสียชีวิตด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่ในค่ายกักกันแบร์เกิน-เบลเซิ่น
อ็อทโต แฟรงค์ เป็นคนเดียวในบรรดาพวกที่ซ่อนลับที่รอดชีวิตหลังสงครามได้จบลง ผู้ให้ความช่วยเหลือเมื่อครั้งอยู่ในที่ซ่อนลับ เก็บสมุดบันทึกของแอนน์ได้จากพื้นห้องในที่เกลื่อนกลาดกระจุยกระจาย และส่งมอบให้อ็อทโต แฟรงค์ พ่อของแอนน์ เขาตัดสินใจนำสมุดบันทึกดังกล่าวออกตีพิมพ์ เพื่อให้สมกับปณิธานของแอนน์ที่ต้องการเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง ถ้าแม้นว่าเธอยังอยู่….วันนี้ เธอคงได้ชื่นชมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเธอสมดั่งใจ
หลุมศพของ แอนน์ แฟรงค์ และ มาก็อธ แฟรงค์
ที่มา bloggang